ผ้าเบรกเป็นส่วนประกอบสำคัญของรถยนต์ ซึ่งมีหน้าที่ในการชะลอความเร็วหรือหยุดรถ ขอแนะนำให้ผู้ขับขี่ทุกคนตรวจสอบระบบเบรกเป็นประจำ เนื่องจากการใช้งานเป็นเวลานานอาจทำให้ผ้าเบรกสึก ส่งผลให้เกิดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นขณะขับขี่บนถนน อาการของผ้าเบรกที่สึกหรอสามารถสังเกตได้ง่าย และหากรถของคุณมีอาการดังกล่าว ก็อาจบ่งบอกถึงปัญหาผ้าเบรกของคุณได้ ลองมาดูพวกเขาด้วยกัน

1. หยียบเบรกแล้วรู้สึกเบรกจม

เมื่อคุณเหยียบแป้นเบรก คุณอาจรู้สึกว่าต้องใช้แรงมากขึ้นเพื่อชะลอรถ หรือเบรกอาจรู้สึกนุ่มนวลกว่าปกติ ในบางกรณี คุณอาจต้องเหยียบแป้นเบรกแรงขึ้น นอกจากปัญหาผ้าเบรกสึกจนน่ารำคาญแล้วยังก่อให้เกิดอันตรายขณะขับขี่บนท้องถนนอีกด้วย

2. เบรกแล้วมีเสียงดังผิดปกติ

หากคุณได้ยินเสียงดังเวลาเหยียบเบรก อาจถึงเวลาที่ต้องนำรถของคุณไปที่อู่ซ่อมรถเพื่อตรวจสอบเบรก โดยทั่วไปมีสาเหตุมาจากผ้าเบรกที่สึกหรอและจานเบรกโดยตรง เช่น ผ้าเบรกที่สึกหรอเสียดสีกับจานโลหะ ส่งผลให้เกิดเสียงแหลมสูงคล้ายกับการเจียร

3. พวงมาลัยสั่นเมื่อเบรกรถ

หากพวงมาลัยของคุณสั่นโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจบ่งชี้ว่าผ้าเบรกของคุณอาจประสบปัญหา เนื่องจากการสัมผัสกับจานเบรกที่ไม่สม่ำเสมออาจทำให้พวงมาลัยสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง

4. ไฟเบรกมือโชว์เตือน

ให้ความสนใจกับไฟเตือนเบรกบนคอนโซลรถ หากไฟเตือนเบรกมือยังคงเป็นสีแดง แสดงว่าผ้าเบรกเสื่อมสภาพและน้ำมันเบรกในกระปุกอยู่ต่ำกว่าระดับที่กำหนด ทำให้ไฟเตือนติดขึ้น

อายุการใช้งานทั่วไปของผ้าเบรก

การกำหนดเวลาเปลี่ยนผ้าเบรกขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น คุณภาพของผ้าเบรก นิสัยการขับขี่ และระยะทาง โดยปกติแล้ว ผ้าเบรกจะมีอายุการใช้งานประมาณ 60,000 – 80,000 กิโลเมตร แต่การเบรกบ่อยครั้งหรือการขับขี่ในสภาวะที่ท้าทายอาจทำให้ผ้าเบรกสึกหรอเร็วขึ้น ขอแนะนำให้เปลี่ยนผ้าเบรกก่อนที่จะเสื่อมสภาพ เพื่อป้องกันปัญหาต่างๆ เช่น กลิ่นไหม้ หรือปัญหาเบรก เนื่องจากผ้าเบรกถือเป็นส่วนสำคัญของยานพาหนะ หากผ้าเบรกสึกหรอก็อาจทำให้เกิดปัญหาขณะขับขี่หรือแม้แต่เกิดอุบัติเหตุได้ อย่าลืมตรวจสอบระบบเบรกและส่วนประกอบอื่นๆ ของเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัยก่อนการเดินทาง

สังเกตด่วน อาการที่บอกว่าควรเปลี่ยนผ้าเบรครถยนต์

ความสำคัญของ“ผ้าเบรครถยนต์” ที่คนขับรถห้ามมองข้าม

ผ้าเบรกเป็นส่วนประกอบของรถที่ใช้ในการชะลอหรือหยุดรถขณะขับขี่ เมื่อคุณเหยียบแป้นเบรก ผ้าเบรกจะดันเข้ากับจานเบรกเพื่อสร้างการเสียดสีทำให้ล้อช้าลง ส่งผลให้ผ้าเบรกค่อยๆ สึกหรอตามกาลเวลา

หากผ้าเบรกเริ่มบางลงอย่างมาก อาจส่งผลให้มีเสียงแหลมของเบรกเพิ่มขึ้น และต้องใช้แรงเบรกมากขึ้นในแต่ละครั้ง อย่างไรก็ตามหากขับขี่ด้วยความเร็วสูงโดยใช้ผ้าเบรกบางมากก็อาจไม่สามารถหยุดล้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของตัวเองและผู้อื่นในขณะขับขี่ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องสังเกตป้ายที่บ่งบอกถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนผ้าเบรกของรถยนต์

ผ้าเบรคควรเปลี่ยนตอนไหนถึงจะดีที่สุด?

โดยทั่วไปผ้าเบรกจะมีอายุการใช้งานโดยเฉลี่ยประมาณ 50,000 – 60,000 กิโลเมตร สิ่งสำคัญคือต้องใส่ใจกับสัญญาณที่บ่งบอกว่าเมื่อถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนผ้าเบรก เช่น ประสิทธิภาพการเบรกลดลง หากคุณไม่แน่ใจว่าผ้าเบรกใช้มานานแค่ไหนแล้ว และเมื่อใดที่แนะนำให้เปลี่ยน วิธีที่ดีที่สุดคือตรวจสอบผ้าเบรกเป็นประจำหรือปรึกษาช่างเครื่อง

สัมผัสของการเบรคไม่เหมือนเดิม

อาการที่เห็นได้ชัดที่สุดเมื่อผ้าเบรคใกล้หมดก็คือ ส่งผลกระทบต่อการเบรคโดยตรงนั่นเอง โดยสามารถสังเกตได้จากเสียงผิดปกติขณะเหยียบเบรค เช่น ดังเอี๊ยด ๆ หรือครืด ๆ ซึ่งหมายความว่าผ้าเบรคนั้นเรื่มบางจนเริ่มเหลือเพียงส่วนที่เป็นเหล็กแล้ว

หากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อย ๆ อาจทำให้จานเบรคเกิดความเสียหายได้ ควรนำรถเข้าศูนย์แล้วทำการเปลี่ยนผ้าเบรคโดยทันที เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง

ต้องยกเบรคมือสูงขึ้นกว่าปกติ

ปกติแล้วเวลาจอดรถยนต์ไว้กับที่เราก็จะต้องเข้าเกียร์จอด แล้วดึงเบรคมือขึ้น แต่ถ้าหากเมื่อไหร่ที่รู้สึกว่าเบรคมือหลวม ๆ จนต้องดึงสูงกว่าปกติ นั่นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าผ้าเบรคของคุณเริ่มบางมากแล้ว ควรเข้าไปทำการเช็คโดยด่วน

รถยนต์หลาย ๆ รุ่นจะมีไฟเตือนหน้าคอนโซลเป็นสัญลักษณ์รูปตัว (P) หากสัญลักษณ์นี้มีไฟขึ้น แสดงว่าระบบเบรคของคุณกำลังมีปัญหาแล้ว โดยอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น น้ำมันเบรครั่ว หรือผ้าเบรคเริ่มหมดจนต้องถึงเวลาเปลี่ยน

แต่ไม่ว่าปัญหาดังกล่าวจะเกิดจากอะไร แต่การที่สัญญาณไฟนี้ขึ้นแจ้งเตือนถือว่าระบบเบรคในรถยนต์ของคุณเริ่มมีปัญหา และอันตรายต่อการขับขี่บนท้องถนนค่อนข้างมากเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นหากสังเกตเห็นสัญลักษณ์นี้ ให้รีบนำรถยนต์ไปเข้าศูนย์เพื่อตรวจสอบจะดีที่สุด

ไขปัญหาคาใจ เปลี่ยนผ้าเบรครถยนต์แล้ว ควรเจียรจานเบรคหรือไม่?

ผ้าเบรกและจานเบรกเป็นอุปกรณ์ที่มักใช้ร่วมกัน โดยปกติเมื่อเปลี่ยนผ้าเบรกมักแนะนำให้เปลี่ยนจานเบรกด้วยเพราะไม่เช่นนั้นเบรกอาจส่งเสียงดังไม่ทำงาน เป็นต้น

ทำให้หลายคนเกิดคำถามว่าจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงช่องทางให้เราชำระค่าบริการเพิ่มเติม? และจำเป็นต้องเบรกแบ๊งค์มั้ย? มีเพียงคุณเท่านั้นที่สามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้ด้วยการพิจารณาอย่างรอบคอบ

การตัดสินใจเบรกหรือไม่สามารถสังเกตได้จากการเหยียบเบรก หากรู้สึกว่าแป้นเบรกนิ่มหรือเบี้ยวเมื่อกด แสดงว่าอาจเกิดปัญหา รถของคุณจะสั่นเมื่อเบรกหากเกิดปัญหาร้ายแรง หากการสั่นรุนแรงจนส่งผลต่อการบังคับเลี้ยว แนะนำให้หยุด

หากอาการยังไม่รุนแรงแนะนำอย่าเพิ่งรีบเข้ารับการผ่าตัด เนื่องจากการเบรกบ่อยครั้งจะทำให้เบรกบางและสึกหรอได้ง่ายยิ่งขึ้น

สรุป การเปลี่ยนผ้าเบรครถยนต์

ผ้าเบรกเป็นส่วนประกอบสำคัญในการขับขี่อย่างปลอดภัยบนท้องถนน ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจสอบผ้าเบรกอย่างสม่ำเสมอและระวังสัญญาณความผิดปกติเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุสำหรับตัวคุณเองและผู้อื่น

หากคุณมีปัญหาเร่งด่วนหรือฉุกเฉินใดๆ โปรดติดต่อเรา เราพร้อมที่จะช่วยเหลือคุณตลอดเวลา

ผ้าเบรกควรเปลี่ยนเมื่อไหร่ เปลี่ยนผ้าเบรกยี่ห้อไหนดี

ผ้าเบรกรถยนต์ อีกหนึ่งชิ้นส่วนสำคัญของรถที่อยู่ในระบบเบรก แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าควรเปลี่ยนเมื่อใด หรือจริง ๆ แล้วมีวิธีที่สามารถสังเกตเองได้ว่าผ้าเบรกใกล้จะหมด ? วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบกัน พร้อมแนะนำผ้าเบรกยอดนิยมในเมืองไทย ว่าใช้ยี่ห้อไหนดี

สำหรับทุกคัน ระบบเบรกถือเป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญและจำเป็นที่จะต้องได้รับการบำรุงรักษาอย่างถูกต้องไม่ต่างกับส่วนอื่น ๆ เพราะมีหน้าที่ทำให้รถชะลอความเร็วหรือหยุดได้อย่างปลอดภัย และชิ้นส่วนที่เจ้าของรถสามารถตรวจเช็กด้วยตัวเองได้ก็คือ ผ้าเบรก ซึ่งเสื่อมสภาพได้ตามระยะเวลาและลักษณะการใช้งาน รถยนต์

สำหรับทุกคัน ระบบเบรกถือเป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญและจำเป็นที่จะต้องได้รับการบำรุงรักษาอย่างถูกต้องไม่ต่างกับส่วนอื่น ๆ เพราะมีหน้าที่ทำให้รถชะลอความเร็วหรือหยุดได้อย่างปลอดภัย และชิ้นส่วนที่เจ้าของรถสามารถตรวจเช็กด้วยตัวเองได้ก็คือ ผ้าเบรก ซึ่งเสื่อมสภาพได้ตามระยะเวลาและลักษณะการใช้งาน รถยนต์

ขั้นแรกมาทำความรู้จักกับระบบเบรกของรถยนต์กันก่อน ซึ่งปัจจุบันที่ใช้งานกันมากที่สุดมีอยู่ 2 ประเภท คือ ดิสก์เบรกและดรัมเบรก

ดิสก์เบรก คือ ระบบเบรกที่อยู่ในรถยนต์เกือบทุกยี่ห้ออยู่ที่ว่าจะใช้ดิสก์เบรกแค่ 2 ล้อหน้า หรือทั้ง 4 ล้อ ก็ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตแบรนด์นั้น ๆ ดิสก์เบรกจะประกอบด้วย จานเบรก, คาลิปเปอร์เบรก และผ้าเบรก ในส่วนของการทำงานทุกครั้งที่เรากดแป้นเบรกน้ำมันไฮดรอลิกในคาลิปเปอร์จะดันผ้าเบรกแต่ละแผ่นเข้าไปที่จานเบรก ทำให้เกิดแรงเสียดทานขึ้น ช่วยให้รถชะลอความเร็วลงและหยุดรถได้อย่างปลอดภัย

ดรัมเบรก คือ ระบบเบรกแบบปิดที่ใช้ในรถยนต์หรือรถอื่น ๆ ช่วงแรกเริ่ม ซึ่งปัจจุบันยังพบเห็นได้ในรถยนต์ และรถบรรทุก ดรัมเบรกประกอบด้วย ผ้าเบรกทรงโค้ง, ก้ามปูเบรก หรือ ฝักเบรก, สปริง และลูกสูบที่ต่อเข้ากับสายเบรก ส่วนการทำงานของดรัมเบรกนั้น ในทุกครั้งที่เราแตะเบรก ผ้าเบรกด้านในจะถูกแม่ปั๊มดันให้ไปติดกับด้านในของฝาครอบเบรก ซึ่งฝาครอบเบรกนี้จะยืดติดอยู่กับล้อรถ ทำให้เกิดแรงเฉื่อยช่วยชะลอความเร็ว และหยุดรถได้ในที่สุด

ตามที่กล่าวไปแล้วว่าผ้าเบรกคืออะไหล่ที่มีการเสื่อมสภาพ ซึ่งผู้ขับขี่รถยนต์สามารถสังเกตได้ด้วยตัวเอง เมื่อพบกับอาการดังนี้

มีอาการเบรกต่ำ หรือต้องกดแป้นเบรกลึกมากขึ้น และรถชะลอความเร็ว หรือหยุดช้ากว่าเดิม

ทุกครั้งที่จอดรถจะต้องดึงเบรกมือสูงกว่าปกติ (กรณีผ้าเบรกล้อหลัง)

มีไฟเบรกมือขึ้นโชว์ที่หน้าปัดทั้งที่ไม่ได้ยกเบรกมือ เนื่องจากน้ำมันเบรกในกระปุกอยู่ต่ำกว่าขีด MIN เพราะผ้าเบรกที่บางลง

มีเสียงเหมือนเหล็กเสียดสีกันทุกครั้งที่เหยียบเบรก ซึ่งในผ้าเบรกแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อนั้นจะมีเหล็กเตือนที่จะเสียดสีกับจานเบรกเพื่อแสดงว่าผ้าเบรกเหลือน้อยแล้ว

แม้ผู้ผลิตผ้าเบรกระบุไว้ว่าผ้าเบรกจะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 40,000-100,000 กิโลเมตร ซึ่งก็อาจเป็นจริงตามนั้น แต่ก็มีอีกหลาย ๆ ปัจจัยที่ทำให้ผ้าเบรกอาจไม่ได้ใช้งานได้ยาวนานขนาดนั้น เช่น ใช้รถยนต์บ่อยแค่ไหน ลักษณะการขับขี่ของแต่ละบุคคลเป็นอย่างไร ขับเร็วหรือขับช้า รวมถึงสภาพแวดล้อมที่ใช้ในการเดินทางต้องขึ้นเขาหรือพื้นที่สูงชันหรือไม่ นั่นทำให้อายุของผ้าเบรกในรถแต่ละคันอาจไม่เท่ากัน ซึ่งเราควรหมั่นสังเกตและตรวจสอบเป็นประจำ โดยเฉพาะผ้าเบรกแบบดิสก์เบรกนั้นจะค่อนข้างหมดเร็ว กว่าผ้าเบรกแบบดรัมเบรกที่ใช้งานได้ยาวนานกว่า

ผ้าเบรกรถยนต์ในปัจจุบันที่มีขายอยู่ตามท้องตลาดนั้นมีอยู่หลายประเภทด้วยกัน แต่จะแตกต่างกันตรงที่วัสดุที่นำมาผลิต ซึ่งก็จะส่งผลถึงอายุการใช้งานของผ้าเบรกด้วยเช่นกัน เราจึงควรเลือกชนิดของผ้าเบรกให้เหมาะสมกับรถและสไตล์การขับขี่ เพื่อการใช้งานผ้าเบรกได้เต็มประสิทธิภาพ โดยผ้าเบรกแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่

1. ผ้าเบรกออร์แกนิก คือผ้าเบรกที่ผลิตด้วยเส้นใยที่ไม่ได้ทำจากโลหะ แต่จะทำจากใยแก้ว, ยาง และไฟเบอร์ เป็นส่วนประกอบหลัก นั่นจึงทำให้ผ้าเบรกชนิดนี้จะมีความนุ่ม เงียบ และไม่มีเสียงดังเวลาเหยียบเบรก แต่ผ้าเบรกชนิดนี้ จะเหมาะกับการขับขี่รถยนต์แบบใช้ความเร็วไม่มากนัก ขับขี่ทั่วไปในเมือง อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ใช้ความเร็วเท่าไร และที่สำคัญแม้จะมีราคาที่ถูกแต่ผ้าเบรกออร์แกนิกนี้ก็จะหมดเร็วกว่าผ้าเบรกชนิดอื่นเช่นกัน

2. ผ้าเบรกเมทัลลิก คือผ้าเบรกที่ทนทานมากที่สุด เพราะผลิตจากโลหะที่ทนต่ออุณหภูมิที่สูงหรือแตกต่างกันได้เป็นอย่างดี และมีอายุการใช้งานได้เป็นเวลานาน นั่นจึงทำให้ผ้าเบรกชนิดนี้เป็นที่นิยมอย่างมาก แต่ผ้าเบรกเมทัลลิกนี้เมื่อใช้ไปสักระยะนึงก็จะมีเสียงดังรบกวนเช่นกัน และอาจทำให้จานเบรกสึกหรอก่อนเวลาอันควรได้

3. ผ้าเบรกเซมิเมทัลลิก คือผ้าเบรกที่มีส่วนผสมของโลหะที่มากถึง 65% ถือเป็นผ้าเบรกที่ได้รับความนิยมและพบเห็นได้มากที่สุดในยุคปัจจุบัน ผ้าเบรกเซมิเมทัลลิกมีความทนทานที่สูงและมีระยะเวลาใช้งานที่ยาวนาน ผ้าเบรกชนิดนี้เหมาะกับผู้ที่ชอบการขับขี่รถด้วยความเร็วสูง และต้องการที่จะหยุดรถด้วยความรวดเร็วเช่นเดียวกัน

4. ผ้าเบรกเซรามิก คือผ้าเบรกที่ได้ชื่อว่าทนทานมากที่สุดจากชนิดของผ้าเบรกที่กล่าวมาทั้งหมด ตัวผ้าเบรกทำจากวัสดุเซรามิกผสมเส้นใยทองแดง ข้อดีของผ้าเบรกชนิดนี้นอกจากความทนทานที่สูงกว่าผ้าเบรกชนิดอื่นแล้ว ยังให้ความเงียบ และไม่มีฝุ่นดำ แต่ก็มีข้อเสียอยู่ที่ราคาค่อนข้างสูง และตัวเนื้อผ้าเบรกนั้นไม่ดูดซับความร้อนอาจทำให้จานเบรกเกิดความร้อนสูงได้

เช็คด่วน! สัญญาณเตือนเมื่อผ้าเบรกหมดหรือมีปัญหา 

อาการและสัญญาณเตือนเมื่อผ้าเบรกเสื่อม

ผ้าเบรกถือเป็นส่วนประกอบสำคัญของรถยนต์ ซึ่งใช้เพื่อช่วยชะลอหรือหยุดรถ และช่วยให้ระบบความปลอดภัยของรถทำงานได้ตามปกติ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่จึงควรทำความเข้าใจผ้าเบรกให้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งวิธีสังเกตลักษณะของผ้าเบรกเมื่อเริ่มเสื่อมสภาพ เพื่อตรวจสอบและเปลี่ยนผ้าเบรกเมื่อจำเป็น หากผ้าเบรกในรถของคุณเริ่มมีการสึกหรอ ควรเปลี่ยนผ้าเบรกทันที แนะนำให้ตรวจสอบสภาพผ้าเบรกอย่างสม่ำเสมอ

ส่วนประกอบต่าง ๆ และการทำงานของระบบเบรกรถยนต์

ผ้าเบรกถือเป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบเบรกของรถยนต์ และในปัจจุบัน ระบบเบรกที่ใช้อยู่มีอยู่ 2 ประเภทหลักๆ

ดิสก์เบรกเป็นระบบเบรกในรถยนต์ที่ทำหน้าที่ชะลอความเร็วและหยุดรถอย่างปลอดภัย ประกอบด้วยจานเบรก คาลิปเปอร์ และผ้าเบรก กระบวนการเบรกเกิดขึ้นเมื่อใช้แรงดันไฮดรอลิก ส่งผลให้คาลิปเปอร์ดันผ้าเบรกชิดกับโรเตอร์ ทำให้เกิดแรงเสียดทาน

ดรัมเบรกเป็นระบบเบรกยอดนิยมที่ใช้ในยานพาหนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการใช้งานยานยนต์ยุคแรกๆ เช่น รถบรรทุก ประกอบด้วยก้ามเบรกโค้ง ดรัมหรือกระบอกสูบเบรก สปริง และลูกสูบที่เชื่อมต่อกับสายเบรก ระบบทำงานโดยการเหยียบเบรกทุกครั้งที่เหยียบเบรก ยางเบรกด้านในจะถูกดันเข้ากับด้านในของดรัมหรือกระบอกสูบซึ่งติดอยู่กับล้อรถ สิ่งนี้จะสร้างแรงเสียดทานที่ช่วยชะลอรถและหยุดรถ

ไฟสัญญาณเตือนที่หน้าปัดรถ

วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการจัดการกับการเตือนสัญญาณเบรก เมื่อสัญญาณปรากฏขึ้น แนะนำให้ดึงและเปลี่ยนทันที เนื่องจากการเพิกเฉยอาจทำให้เบรกเสียหายได้

เหยียบเบรกลึกกว่าปกติ

หากคุณรู้สึกว่าต้องเหยียบแป้นเบรกให้ลึกกว่าปกติ หรือต้องกดหลายๆ ครั้งเพื่อชะลอความเร็ว สิ่งสำคัญคืออย่าเพิกเฉยต่ออาการเหล่านี้ มิฉะนั้นผ้าเบรกของคุณจะเสื่อมสภาพและอาจทำงานไม่ถูกต้อง

เบรกแตก

ภาวะนี้เป็นอาการที่อันตรายที่สุด ความล้มเหลวของเบรกเกิดขึ้นเมื่อชิ้นส่วนของระบบเบรก เช่น ผ้าเบรก แม่ปั๊มเบรก และตัวเบรกเอง ได้รับความเสียหายจนถึงจุดที่น้ำมันเบรกรั่วไหลออกจากระบบจนหมด สามารถตรวจสอบได้ง่ายๆ โดยตรวจดูระดับน้ำมันเบรกและส่วนประกอบของระบบเบรกจากกระปุกน้ำมันเบรกใต้ฝากระโปรงรถ

ลูกค้าท่านใดไม่แน่ใจว่าระบบเบรกยังใช้ได้ปรกติหรือไม่ สามารถเข้ามาใช้บริการตรวจเช๊คฟรีได้ที่  PPS4x4 นะคะ

ติดต่อสอบถาม……….

Categories:

Tags: